Sleepy Duty Admin replied

458 weeks ago

Last Update Patch 2.55

ขอประเดิมด้วยอาชีพที่ถนัดที่สุดของผมเลยละกันกับ Black Mage[BLM]
EDIT 28/3/15

ติดตามคลิปตะลุย Trail ตามสไตล์ Blacx POV :D ได้ที่นี่นะครัช อัพเดทเรื่อยจนกว่า 3.0 จะมานู่นหละ /happy
http://www.playffxiv.net/Forums/viewforum.php?f=11

BLM มีหน้าที่ในปาตี้เป็น DPS ที่มีจุดเด่นที่การทำแดเมทแบบ AOE ได้รุนแรงที่สุด และยังมีสกิลซัพพอต/ดีบัฟอื่นๆ ที่ทำให้ในโหมด PVP แล้ว แบล็คเมจเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ศัตรูรังเกียจมากที่สุดเลยทีเดียว แต่จุดด้อยอันใหญ่หลวงเลย คือเราจะต้องหยุดอยู่กับที่เพื่อร่ายสกิล หากเป้าหมายไม่อยู่ด้านหน้าของเรา(วิ่งไปด้านหลัง) การร่ายสกิลจะถูกยกเลิก และหากโดนแดเมทในระดับหนึ่งระหว่างการร่าย สกิลก็จะถูกยกเลิกเช่นกัน การถูกยกเลิกการร่ายสกิลนี้จะถูกเรียกว่า interrupted สิ่งสำคัญสำหรับผู้เล่นแบล็คเมจต้องมีในทุกไฟท์เลยก็คือ การหาจุดยืนที่เซฟที่สุดสำหรับตัวเราเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงการเคลื่อนที่ให้น้อยที่สุด รวมถึงมุมมองที่จะไม่ทำให้เกิดการ interrupted ด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะสามารถทำแดเมทได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
ระยะการร่ายสกิลจะเป็นรูปทรงกรวยประมาณ 150 องศา ด้านหน้าของตัวละครเราซึ่งถ้าหากศัตรูวิ่งสวนเราออกนอกระยะแล้ว การร่ายก็จะถูก Interrupted ดังนั้นการรู้โรเทชั่นสกิลของเป้าหมายว่าจะมีระยะแค่ไหน รวมถึงแผนการเล่นของปาร์ตี้ว่าแทงค์จะลากมอนสเตอร์ไปในทางใด จึงสามารถช่วยเราในการหาจุดยืนได้ ซึ่งจากมุมมองการร่ายสกิลของเราแล้วก็ไม่มีอะไรมากครับ หามุมหลืบซักมุมแล้วเอาก้นซุกกำแพงไว้เลยครัช (ต้องแน่ใจว่าจะไม่โดน AOE หรือมีวิธีหลบสกิลจากบอสด้วยนะครับ)

ทริก เล็กๆน้อยๆครับ ทุกยูนิตเมื่อเราเอาเมาส์ไปคลิกจะมีรูปวงกลมที่พื้นเพื่อบอกขนาดโซนของตัวยูนิทนั้นๆอยู่นะครับ ซึ่งการที่เราไปเหยียบโซนนั้นของยูนิตอื่นก็เหมือนการเข้าไปกอดตัวละครนั้นๆไว้อยู่ครับ (สำหรับผู้ที่เคยเข้าไปตะลุย T7 น่าจะเข้าใจง่ายขึ้นนะครับ ในตอนที่ผู้ที่โดนดีบัฟ Shriek ต้องไปหลบหลัง Renaud ที่ถูกแช่แข็งอยู่ เพื่อที่ผลของดีบัฟจะได้ไม่โดนเพื่อนในปาร์ตี้นั้น หากเราเกิดเผลอเหยียบโซนของ Renaud เข้า นั่นหมายถึงเราไม่ได้หลบหลัง Renaud แต่เป็นเรากับ Renaud ยืนอยู่ในจุดเดียวกัน ซึ่งผลของสกิล Shriek ก็จะโดนเพื่อนในปาร์ตี้ทั้งหมดเพราะไม่ได้ถูก Renaud บังเอาไว้ครับ เช่นกันกับการร่ายสกิล หากโซนของเป้าหมายยังคงทับอยู่ในโซนของเรา แม้ตัวเป้าหมายจะถลำไปด้านหลังของเราแล้วก็ตาม สกิลของเราก็จะยังไม่ถูก Interrupted ครัช

Umbral Ice และ Astral Fire
สิ่งแรกที่เราควรรู้เลยเมื่อเล่นแบล็คเมจคือค่าสถานะ Umbral Ice และ Astral Fire
- Umbral Ice จะเกิดขึ้นเมื่อใช้สกิลสายน้ำแข็ง มีผลทำให้การใช้ MP กับระยะเวลาร่ายสกิลของสายไฟลดน้อยลง(เมื่อมีบัฟในระดับ3) และเพิ่มปริมาณการฟื้นฟู MP ให้กับตัวเรา เก็บสถานะได้สูงสุดที่ระดับ3 ผลของสถานะจะถูกยกเลิกเมื่อใช้สกิลสายไฟ
- Astral Fire จะเกิดขึ้นเมื่อใช้สกิลสายไฟ มีผลทำให้สกิลสายไฟโจมตีรุนแรงขึ้น และใช้ MP มากขึ้น แต่สกิลสายน้ำแข็งจะใช้ MP น้อยลง และร่ายไวขึ้น(เมื่อมีบัฟในระดับ3) เก็บสถานะได้สูงสุดที่ระดับ3 ผลของสถานะจะถูกยกเลิกเมื่อใช้สกิลสายน้ำแข็ง
**สำหรับสกิล FireIII และ BlizzardIII นั้น เมื่อใช้ไปแล้วจะติดค่าสถานะนั้นๆได้ทันทีโดยไม่ถูกยกเลิก เช่น ตอนนี้มี Astral FireIII ติดตัวอยู่ แล้วกดสกิล BlizzardIII เราก็จะได้รับสถานะ Umbral Ice + 3 ทันที เป็นต้น
อย่างที่รู้กันไปแล้วว่า FireIII และ BlizzardIII นั้นสามารถทำให้เราได้รับสถานะ Umbral IceIII และ Astral FireIII ได้ทันที การมีสถานะไฟจะทำให้ร่ายสกิลสายน้ำแข็งได้เร็วขึ้น เช่นกันหากมีสถานะสายน้ำแข็งก็จะทำให้ร่ายสกิลสายไฟได้เร็วขึ้นด้วย

ทริก หากมีความชำนาญ สามารถนำ FireIII และ BlizzardIII ไปประยุกต์ใช้กับบางจังหวะที่ต้องวิ่งหลบ AOE ไปด้วยได้นะครับ ด้วยความไวของการร่ายสกิลที่สูงขึ้นมาก แม้ดาเมทที่ได้จะไม่สูงเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้โจมตีเลย
ซึ่งข้อดีก็คือเรายังคงประคองบัฟ Astral Fire/Umbral Ice ของเราไว้ได้นานขึ้นอีก
ในช่วง endgame เราจะเจอกับบอสหลายประเภทที่บังคับให้เราต้องเคลื่อนที่ หรือหยุดการร่ายสกิลเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นหากต้องมาเริ่มคอมโบร่าย FireIII ใหม่ตั้งแต่ต้น แน่นอนว่าแดเมทของเราก็จะช้าลงอย่างแน่นอน การพยายามประคองให้ค่าสถานะ Umbral Ice และ Astral Fire คงอยู่ไว้ได้จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก หรือหากไม่ได้จริงๆก็แนะนำให้เลือก Swift Cast มาใช้กับ FireIII/BlizzardIII/ThunderIII ตามสถานการณ์ไปเลยครัช

Firestarter และ Thundercloud
- Firestarter เกิดจาก 30% ของการโจมตีด้วย Fire สถานะนี้จะทำให้สามารถโจมตีด้วย FireIII ได้ 1 ครั้ง ในเวลา 12 วินาที ได้ทันทีโดยไม่ต้องร่ายและไม่ใช้ MP
- Thundercloud เกิดจาก 5% ของความเสียหายต่อเนื่องของ DOT จาก Thunder ซึ่งสถานะนี้จะทำให้สามารถโจมตีด้วย Thunder, Thunder II หรือ ThunderIII ได้ 1 ครั้ง ในเวลา 12 วินาที โดยแดเมทจะสูงมาก เป็นการโจมตีแบบไม่ต้องร่ายและไม่ต้องใช้ MP
( ThunderIII ที่ปล่อยจาก Thundercloud จะมีแดเมทพอๆกับ FireIII เลยทีเดียว)
ทริก หากมีโอกาสได้รับ Firestarter หรือ Thundercloud นั่นหมายความว่าตัวเราจะไม่จำเป็นต้องยืนร่ายเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งรวมถึงการวิ่งโจมตีได้เสมือน Bard เลยครับ แต่ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสแบบนั้นเสมอไป ที่แน่ๆหลังจากทีเราปล่อย FireIII/ThunderIII จากสถานะ Firestarter/Thundercloud ไปแล้ว มันก็ยังติดคูลดาวน์สกิลอยู่ ซึ่งตรงนี้เราก็จะมีเวลาสำหรับการเคลื่อนที่เพื่อเปลี่ยนจุดยืนโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการทำแดเมทของเราด้วยครับ

Ether กับ Flare


Flare เป็นสกิลที่รุนแรงที่สุดของแบล็คเมจ โจมตีเป็นแบบ AOE และยังเป็นสกิลสายไฟที่ทำให้ได้รับผลสถานะ Astral Fire + 3 ด้วยครับ แต่ว่าการใช้ Flare ก็จำเป็นจะต้องเสีย mp ทั้งหมดที่มี ดังนั้นก่อนจะใช้ในแต่ละครั้งก็ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ด้วยเช่นกัน เมื่อใช้ Flare ไปแล้วจะไม่มี mp เพื่อทำอะไรทั้งนั้น เราจะมีทางเลือกเพียง 2 ทางคือ


- Transpose ใช้สลับค่าสถานะระหว่าง Umbral Ice กับ Astral Fire และรอไม่เกิน 3 วินาทีเพื่อฟื้นฟู MP (ฟื้นฟูประมาณ 1/3 ของ maxMP ทุกๆ 3 วินาที) ถ้าหากเป้าหมายยังไม่ตาย แน่นอนว่าเราจะต้องชะงักเพื่อรอ MP


- Convert เสีย 20% ของ maxHP เพื่อฟื้นฟู 30% ของ maxMP สกิลนี้จะไม่สามารถใช้ได้ถ้า HP ต่ำกว่า 20% ซึ่งส่วนใหญ่หลังจากใช้ Flare ไปแล้ว ก็จะตามด้วยสกิลนี้กัน แล้วค่อยเปลี่ยนกลับเป็น Umbral Ice ด้วย BlizzardIII เพื่อฟื้นฟู MP แต่ด้วยคูลดาวน์สกิลของ Convert ที่ค่อนข้างนานถึง 3 นาที ผมจึงมีอีก 1 วิธีมาแนะนำ นั่นคือการนำ Ether เข้ามาช่วย ซึ่งที่ผมใช้ จะมี 2 แบบ คือ
- Hi-EtherHQ ฟื้นฟู MP 35% ของ MP(160 point max) recast 2.42 นาที ข้อดีคือคูลดาวน์ต่ำโดนใจมาก และด้วย 160mp ก็เพียงพอที่จะร่าย BlizzardIII ต่อเนี่องจาก Flare ได้ทันที
- Mega-Ether ฟื้นฟู MP 24% ของ MP(270 point max) recast 4 นาที ยาตัวนี้จะเอาไว้ใช้ร่วมกับโรเทชั่น AOE ที่ต้องการใช้ double Flare เพราะเมื่อหลังจาก Flare ครั้งที่ 1 ไป แล้วกด Mega-Ether ก็จะทำให้สามารถใช้ Flare ครั้งที่ 2 ต่อเนี่องโดยที่ยังอยู่ในสถานะ Astral FireIII ได้ทันที

Crowd Control
แบล็คเมจเป็นอาชีพที่ขึ้นชื่อเรื่องการป่วนมอนสเตอร์ด้วยดีบัพหรือ Crowd Control ที่ค่อนข้างหลากหลายเลย ได้แก่


Sleep เสกหลับใส่เป้าหมายและรอบๆเป้าหมายในระยะ 5 หลา เป็นเวลา 30 วินาที
(ใน PVP เหลือ 15 วินาที) ผลของสกิลจะถูกยกเลิกเมื่อโดนโจมตี


Freeze ร่ายสกิลแบบ AOE เป็นวงกลมขนาด 5 หลา ได้ไกลสุด 25 หลา มีผลล็อคขาเป้าหมาย 15 วินาที ได้รับสถานะ Umbral Ice + 1
(ใน PVP เหลือ 12 วินาที) ผลของสกิลจะถูกยกเลิกเมื่อโดนโจมตี


Blizzard เป้าหมายติดสถานะ Heavy 40% เดินช้า เป็นเวลา 20 วินาที
(ใน PVP เหลือ 12 วินาที) ได้รับสถานะ Umbral Ice + 1


BlizzardII ร่ายสกิลรอบตัวขนาด 5 หลา ล็อคขาเป้าหมาย 8 วินาที
ผลของสกิลจะถูกยกเลิกเมื่อโดนโจมตี (ระยะเวลาร่ายสกิลจะเร็วกว่า Freeze มาก) ได้รับสถานะ Umbral Ice + 1


Lethargy ทำให้เป้าหมายติดสถานะ Slow และ Heavy โจมตีช้าและเดินช้าลง 20% เป็นเวลา 12 วินาที
(ใน PVP เหลือ 6 วินาที) สกิลนี้สามารถใช้ได้เลยโดยไม่ต้องร่าย

ดังนั้นหากเกิดสถานะการณ์คับขันในดันเจี้ยนขึ้นเช่น แทงค์,ฮีลเลอร์ หลุดหรือตาย แบล็คเมจก็จะสามารถช่วยแก้สถานะการณ์พวกนั้นได้บ้าง
ขึ้นอยู่กับโอกาส และยังสามารถเรียกเอาสกิลครอสจาก Arcanist[ACN] และ Archer[ARC] มาใช้ช่วยได้ เช่น


Quelling Strikes ลดค่า Enmity(ค่าที่ใช้ดึงดูดมอนสเตอร์) จากการโจมตีลง 15 วินาที
ใช้เพื่อควบคุมค่า Enmity ไม่ให้สูงกว่าแทงค์ ส่วนใหญ่จะใช้กับตอนที่ต้องการโจมตีมอนสเตอร์เป็นกลุ่มหลายตัว
ซึ่งเราต้องการความเร็วในการกำจัดมอนสเตอร์ และยากต่อการไล่เช็คค่า enmity ทีละตัว


Virus ลดค่า STR และ DEX ของเป้าหมายลง 15 % เป็นเวลา 10 วินาที


Physick ฟื้นฟู HP เป้าหมาย 400 potency


Eye for an Eye ร่ายเกราะใส่เป้าหมาย 30 วินาที มีโอกาส 20% ที่จะทำให้ผู้ที่โจมตีเกราะติดดีบัฟ ที่จะทำให้โจมตีเบาลง 10% เป็นเวลา 20 วินาที

และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเมื่อเราตกเป็นเป้าหมายก็ยังมี


Surecast ทำให้สกิลที่จะร่ายในครั้งต่อไป ไม่โดน interrupted
จะใช้ในกรณีที่คิดว่ายังไงๆก็ต้องโดน interrupted แน่ๆครับ
**กรณีที่กด Surecast ไป แล้วกดสกิลตามไป 1 สกิลไม่ว่าจะเป็นสกิลอะไร ไม่ว่าผลของสกิลนั้นจะออกหรือไม่ หรือยกเลิกการร่ายด้วยตัวเองก็ตาม นั่นถือว่า Surecast ได้ทำหน้าที่ของมันแล้วครับ ผลของบัฟจะหายไปทันที..


Manawall สร้างเกราะใส่ตัวเรา 20 วินาที ป้องกันการโจมตีกายภาพได้ 2 ครั้ง
ซึ่งเป็นการบล็อคแดเมทกายภาพแบบ 100% ต่อ 1 hit เลยทีเดียว (ยกตัวอย่างเช่น แลนด์สไลด์ของไททันกับไดรฟ์บอมบ์ของทวินทาเนีย นอกจากไม่โดนดาเมทแล้ว ยังไม่ปลิวด้วยนะ)


Manaward สร้างเกราะจาก 30% ของ maxHP ใส่ตัวเรา 20 วินาที เพื่อป้องกันการโจมตีเวทย์มนต์ทั้งหมด
หลักการของสกิลนี้จะคล้ายๆกับ stoneskin ของไวท์เมจเลย เพียงแต่ป้องกันเฉพาะเวทย์มนต์เท่านั้น


Apocatastasis สร้างเกราะป้องกันเวทมนต์ 20% ให้เพื่อนในปาร์ตี้ได้ 1 คน เป็นเวลา 12 วินาที


Aetherial Manipulation เคลื่อนที่ไปหาเพื่อนในปาตี้ที่เป็นเป้าหมาย 1 คน อย่างรวดเร็ว สกิลนี้ใช้ค่อนข้างลำบากนิดนึงแต่ก็สามารถประยุกต์ ใช้ได้หลากหลายขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ใช้ (สามารถใช้กระโดดสวนสกิลผลักหรือเหวี่ยงของบอสได้ด้วยนะเออ เช่น สกิลคว่ำเรือของ Leviathan เป็นต้น)

เมื่อเราเข้าใจหลักการใช้สกิลเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว การกระโดดโลดเต้นเพื่อวิ่งหนีจึงแทบจะเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับแบล็คเมจไปเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานะการณ์นั้นๆด้วยนะครัช

ด้วยบทบาทของ DPS แล้ว มักจะไม่ค่อยต้องไปเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ตรงๆซักเท่าไหร่ การที่ Blm มีลูกเล่นมากมายเพื่อเอาตัวรอด รวมถึงสกิลป้องกันตัวฉุกเฉิน ทั้งกายภาพและเวทมนต์แบบนี้ ทำให้ส่วนตัวผมคิดว่า Blm น่าจะเป็น DPS ที่ตายยากที่สุดแล้วครับ (ไม่เกี่ยวกับบอสใน EndGame เน่อ :lol: )
//พี่น้องชาว Eorzea คนไหนมีเทคนิคหรือทริคอะไรที่เกี่ยวกับ blm ก็เพิ่มเติมกันเข้ามาได้นะครัช :D

Rotation Skill
สำหรับโรเทชั่นสกิลนั้น ผู้เล่นแต่ละท่านก็จะมีสไตล์การใช้สกิลที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โรเทชั่นสกิลของดันเจี้ยนหรือบอสนั้นๆด้วย ทำให้การเลือกใช้สกิลจึงไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัวนัก ดังนั้นผมจึงจะของยกตัวอย่างโรเทชั่นสไตล์ของผมเลยละกันซึ่งอาจจะไม่ใช่รูปแบบที่เรียก dps ได้สูงที่สุดนะครับ

[youtube][/youtube]

Basic Combo เป้าหมายเดี่ยวกับการต่อสู้ระยะสั้น

- FireIII > Fire > > Fire > Swiftcase > Flare > Transpose > LOOP

- Swiftcase > FireIII > Fire > > Fire > BlizzardIII > FireIII > Fire >

สามารถนำ Scathe มาแทรกในคอมโบได้ตลอดเวลาเพื่อเป็นสกิลปิดฉากในกรณีที่มอนสเตอร์เหลือ HP น้อยๆ หรือระหว่างรอ MP จาก Transpose ก็ได้ครับ

AOE Combo เป้าหมายแบบหมู่

- FireIII > FireII > > FireII > Flare > Convert/Mega-Ether > Swiftcase > Flare > Transpose > BlizzardII > BlizzardII > FireIII > FireII >

- FireIII > FireII > > FireII > BlizzardIII > Transpose > FireII > FireII > > Flare > Convert/Mega-Ether > Swiftcase > Flare > Transpose

- FireIII > FireII > > FireII > Flare > Mega-Ether > Flare > Convert > Swiftcase > Flare > Transpose

Boss Combo เป้าหมายเดี่ยวกับการต่อสู้ระยะยาว

- ThunderII/ThunderIII > Swiftcase > FireIII > Fire > > Fire > BlizzardIII > ThunderII > FireIII > Fire >

หาก Swiftcase รีโหลดเสร็จก็ให้แทรก Flare เข้าไปด้วยและส่วนใหญ่จะใช้เมื่อตอน MP เหลือน้อยที่สุดดังนี้

> Fire > Swiftcase > Flare > Convert/Hi-EtherHQ > BlizzardIII > ThunderII > FireIII > Fire >

การใช้ Convert หากมี mp มากพอในระดับหนึ่ง จะสามารถยิง Fire ได้อีกหนึ่งครั้งก่อนที่จะฟื้นฟู MP ด้วย BlizzardIII ครับ หรือหาก Convert/Hi-EtherHQ ยังอยู่ระหว่างการรีแคสสกิล ก็นำ Swiftcase ไปใช้เพื่อต่อดีบัฟ ThunderIII แทนการใช้กับ Flare ก็ได้ครับ เช่น

- > > Fire > BlizzardIII > Swiftcase > ThunderIII > FireIII > Fire >

และแบล็คเมจยังสามารถเพิ่มแดเมทของตนให้สูงยิ่งขึ้นได้ ด้วยสกิลครอสจาก Archer นั่นก็คือสกิล Raging Strikes ซึ่งจะช่วยเพิ่มแดเมทขึ้นอีก 20% และสกิลเพลงซัพพอตจาก Bard อย่าง Foe Requiem จะมีผลทำให้พลังป้องกันเวทมนต์ของศัตรูโดยรอบลดลง 10% กับ Battle Voice ซึ่งจะช่วยให้สกิลเพลงของ Bard มีอานุภาพเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

ช่วงเวลาที่เราได้รับฟูลบัฟทั้งหมดนี้เราก็ควรจะจัดเต็มไปเลย สแปมไฟให้ได้มากที่สุดโดยการใช้ Convert เพิ่ม MP มาสแปมไฟเพิ่มอีกก็ได้ครับ เมื่อถึงช่วงที่จะยิง Flare ก็ใช้ Hi-EtherHQ สำหรับการ loop กลับมาเป็น BlizzardIII และถ้าหากมีโอกาสได้รับสถานะ Firestarter กับ Thundercloud ก็ให้หาจังหวะใช้ไปเลย ยังไงก็ลองปรับเปลี่ยนเลือกใช้ตามสถานการณ์ดูนะครัช

อันนี้ตัวอย่างโรเทชั่นที่ผมใช้อยู่บ่อยๆนะครับ

** ThunderII/ThunderIII > Swiftcase > FireIII > Raging Strikes > Fire > (Firestarter/Thundercloud) > Convert > Fire > > Fire > BlizzardIII > ThunderII > FireIII > Fire > > Swiftcase > Flare > Hi-EtherHQ > BlizzardIII > ThunderII > FireIII > Fire > > Fire > BlizzardIII > Swiftcase > ThunderIII > FireIII > Fire >

เพิ่มเติม ในการร่าย Fire ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนไปร่าย BlizzardIII จำเป็นจะต้องมี MP เหลือไม่ต่ำกว่า 720(ประมาณ) ถึงจะเพียงพอนะครับ
สรุป คือ ถ้ามี mp เหลือไม่ถึง 720 ให้เปลี่ยนเป็น BlizzardIII เพื่อฟื้นฟู MP ได้เลยครัช


Skill Fronline Black Mage


Aetheric Burst โจมตี 170 potency และลดสกิล skill speed 30% กับเป้าหมายรอบตัว เป็นเวลา 10วินาที คูลดาวน์สกิล 180 วินาที
- Enhanced Aetheric Burst : คูลดาวน์สกิลลดลงเหลือ 150 วินาที
- Enhanced Aetheric BurstII : ผลของสถนาะเพิ่มระยะเวลาเป็น 15 วินาที
- Enhanced Aetheric BurstIII : เพิ่มการลด skill speed ขึ้นเป็น 50%


Equanimity จะไม่โดน interruped ด้วยการโจมตีเป็นเวลา 10 วินาที คูลดาวน์สกิล 240 วินาที
- Enhanced Equanimity : คูลดาวน์สกิลลดลงเหลือ 180 วินาที
- Enhanced EquanimityII : ผลของสถนาะเพิ่มระยะเวลาเป็น 15 วินาที


Mana Draw ฟื้นฟู MP 30% ของ maxMP คูลดาวน์สกิล 240 วินาที
- Enhanced Mana Draw : คูลดาวน์สกิลลดลงเหลือ 180 วินาที
- Enhanced Mana DrawII : เพิ่มการฟื้นฟู MP ขึ้นเป็น 50% ของ maxMP


Night Wing เป้าหมายและศัตรูรอบๆเป้าหมาย เป็นเวลา 10วินาที คูลดาวน์สกิล 240 วินาที
- Enhanced Night Wing : คูลดาวน์สกิลลดลงเหลือ 180 วินาที
- Enhanced Night WingII : ผลของสถนาะเพิ่มระยะเวลาเป็น 15 วินาที


Phantom Dart โจมตี 150 potency และลดพลังป้องกันเวทมนต์ของเป้าหมายลง 10 % เป็นเวลา 15 วินาที คูลดาวน์สกิล 90 วินาที
- Enhanced Phantom Dart : คูลดาวน์สกิลลดลงเหลือ 60 วินาที
- Enhanced Phantom DartII : เพิ่มโจมตีขึ้นเป็น 180 potency
- Enhanced Phantom DartIII : ผลของสถนาะเพิ่มระยะเวลาเป็น 20 วินาที


Purify ปลดค่าสถานะไม่ดีทั้งหมดออกจากตัวเรา คูลดาวน์สกิล 180 วินาที
- Enhanced Purify : คูลดาวน์สกิลลดลงเหลือ 150 วินาที

สำหรับการใช้แต้ม AP ในการอัพสกิลนั้นผมแนะนำให้อัพ Phantom Dart และ Equanimity ให้เต็มไว้ก่อนเลยครับ เพื่อการโจมตีแบบหวังปลิดชีพ และไม่เสียเวลาเปล่าไปกับการโดน Interrupted ส่วนสกิลอื่นๆที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนการเล่น และความถนัดของผู้ใช้เลยครับผม :D
Please log in to post a reply.